ประวัติความเป็นมาของลีลาศ
การเต้นรำพื้นเมืองในฉบับที่เรียกว่า “ลีลาศ” นี้มีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับการเต้นรำพื้นเมือง
(Folk Dance) และการเต้นบัลเลย์ (Ballet) เป็นอย่างยิ่ง
ในที่นี้จะแบ่งประวัติความเป็นมาหรือพัฒนาการของลีลาศออกเป็น 2 สมัย คือ สมัยเก่าและสมัยใหม่
สมัยเก่า
ความต้องการการเต้นรำเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณของมนุษย์
ถึงกับมีการกล่าวคำว่า “การเต้นรำนั้นเก่าแก่และมีมาก่อนสิ่งอื่นใด
ยกเว้นการดื่มกินและความรัก” เป็นความจริงที่ว่า “อารมณ์” เป็น
ตัวกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวขึ้น
และความต้องการอันเป็นสัญชาตญาณอันเก่าแก่นี้ก็ยังคงมีอยู่ตลอดมาไม่เปลี่ยน แปลง
แม้ว่าอารยธรรม ความเจริญ
และสภาพแวดล้อมต่างๆจะสอนให้มนุษย์รู้จักระงับอารมณ์ความต้องการตามธรรมชาติก็ตาม
ประกอบกับการเกิดจังหวะดนตรีต่างๆ
ที่ได้นำมาผสมผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว การเต้นรำจึงได้เกิดขึ้น แล้วจึงอาจสรุปได้ว่า
อารมณ์และจังหวะดนตรีทำให้เกิดการเต้นรำขึ้น
การเต้นรำที่มีรูปแบบที่แน่นอนเกิดขึ้นในช่วงกลาง
คริสต์ศตวรรษที่ 17 หลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่
14 ได้ก่อตั้งราชบัณฑิตสภาการดนตรีและการเต้นรำขึ้น (Acadmie
Royale de Musique et de Danse) โดยบรรดาสมาชิกราชบัณฑิตยสภาฯ
ได้กำหนดตำแหน่งการวางเท้าทั้ง 5 ก้าวในการเต้นรำแบบ “แซงปาส” ใน
ขณะเดียวกันได้มีการกำหนดกฎระเบียบที่เคร่งครัดในการเต้นรำทุกประเภทขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงเวลานี้เป็นช่วงความรุ่งเรือของการเต้นรำแบบมินูเอและกาวอตเต้
มินูเอซึ่งแต่เดิมเป็นการเต้นรำพื้นเมืองของชาวปัวตูได้เข้ามาในปารีสในปี ค.ศ. 1650
และต่อมาได้มีการใส่ทำนองดนตรีโดย หลุยส์และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
ทรงนำเข้ามาใช้เต้นรำในที่สาธารณชน
จึงอาจกล่าวได้ว่าได้มีการควบคุมการเต้นรำแบบบอลรูมตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งสิ้นสุดคริสต์ศตวรรษที่
18
สมัยใหม่
การเต้นรำที่จัดอยู่ในช่วงสมัยใหม่เริ่มตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1812 เมื่อมีการนำการจับคู่เต้นรำแบบใหม่ คือ
การจับมือและโอบเอวคู่เต้นรำ (Modern Hold) มาใช้กับการเต้นรำจังหวะวอลซ์
(Waltz) ซึ่งในขณะนั้นถูกต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายศาสนจักรโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ปกครอง
แต่ในที่สุดสังคมก็ยอมรับการเต้นรำแบบใหม่นี้ เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์
(Alexander) แห่งรัสเซียได้เต้นรำจังหวะวอลซ์ที่อัลแมค
ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับผู้ที่เกียรติยศชั้นสูง
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 1960 ได้มีการเต้นรำจังหวะใหม่ๆ เกิดขึ้น
โดยพวกอเมริกันนิโกร คือ จังหวะทวิสต์ (Twist) และจังหวะฮัสเซิ่ล
(Hustle) ซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลกและต่อมาในปี ค.ศ. 1970
เกิดจังหวะการเต้นรำที่เรียกว่า ดิสโก้ (Disco Dancing) ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
เนื่องจากเป็นจังหวะที่ผู้เต้นมีอิสระในการเคลื่อนไหวอย่างมาก และยังมีการเต้นรำแบบใหม่ๆ
เกิดขึ้นอีกหลายจังหวะ เช่น แฟลชแดนซ์ (Flash Dance) , เบรกแดนซ์
(Break Dance) และแรพ (Rap) เป็นต้น
ซึ่งมักมีการกำเนิดจากพวกอเมริกัน
นิโกร
นอกจากนั้นยังมีการเต้นรำโดยใช้ท่าการบริหารร่างกายประกอบจังหวะดนตรีที่ เรียกว่า
แอโรบิกแดนซ์ (Aerobic Dance) ซึ่งยังคงได้รับความนิยมมากจนถึงปัจจุบันนี้
การเต้นรำในแบบและจังหวะต่างๆ เหล่านี้ไม่จัดอยู่ในประเภทของการลีลาศ
ที่มา http://www.oknation.net/blog/health-stnb/2011/01/12/entry-1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น